5 วิธี การชงกาแฟ ยอดฮิตระดับโลก

การชงกาแฟนั้น มีด้วยกันมากมายหลายวิธีด้วยกันครับ ทั้งจากที่เราทำเองที่บ้านหรือตามร้านกาแฟต่างๆก็มีวิธีการชงกาแฟที่หลายหลากรูปแบบ สุดแล้วแต่ร้านนั้นๆจะใช้ เช่น ร้านกาแฟสดก็จะมีการชงกาแฟแบบหนึ่ง ร้านกาแฟโบราณก็มีการชงกาแฟโบราณอีกแบบหนึ่ง

 

 

สำหรับ 5 วิธี การชงกาแฟ ที่ยอดฮิตและใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับโลกหรือระดับสากลนั้น ถือได้ว่าเป็นวิธีที่หลายๆท่านอาจจะรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หรือ อาจจะเคยเห็นแต่ไม่รู้เค้าเรียกว่าวิธีอะไรกัน ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละวิธีการชงกาแฟ ที่จะนำเสนอในบทความนี้นั้น ก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือความสามารถที่แตกต่างกันไป อยู่ี่ที่เมนูที่จะทำหรือเทคนิคที่แต่ละคนชอบครับว่าจะใช้วิธีการไหน ให้เหมาะสำหรับตัวเองหรือชอบวิธีการนั้นมากที่สุดครับ

 

1. Drip : วิธีการนี้เกิดขึ้นมาราวๆ ปี ค.ศ. 1905 ในเยอรมันนีซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ก็ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ชอบชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน

วิธีการชงกาแฟแบบ Drip : จะทำโดยการใช้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด จากนั้นให้ของเหลวผ่านกระดาษกรอกหรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip ลงไปยังภาชนะรองรับ ซึ่งเมื่อผ่าน filter อาจจะมีการเสียรสชาติไปบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายเหมาะสำหรับทำที่บ้านได้ด้วยตัวเองครับ สามารถใช้ได้กับการชงกาแฟในปริมาณมากกว่า 1 แก้วได้อย่างสบาย โดยจะมีเครื่องต้มกาแฟ ชื่อ drip maker หรือ coffee machine ที่หาซื้อได้ง่ายๆครับ

2. French Press : วิธีการนี้เกิดขึ้นราวๆปี 1850 โดยนักออกแบบชาวอิตาเลียน การชงกาแฟโดยวิธีนี้นั้น จะต้องมีเครื่องชงกาแฟแบบ French press ซึ่งหาซื้อได้ง่ายๆตามท้องตลาดครับ ทำให้ได้รสชาติของกาแฟที่แท้จริงแต่ไม่ต้องกังวลกับเศษหรือกากกาแฟที่หลุดลอดออกมานะครับเพราะนั่น คือเสน่ืห์ของวิธีนี้ครับ ซึ่งกาแฟที่ได้จะไม่ clean เท่าแบบ Drip ก็ไม่ต้องตกใจครับ

วิธีการชงกาแฟแบบ French Press : ก็ไม่ยุ่งยากครับ

ขั้นที่ 1 : เราต้องมีกาแฟบดก่อนซึ่งต้องใช้กาแฟบดที่หยาบหน่อยนะครับเพราะว่าถ้าเราบดละเอียดยิบเลย ผงกาแฟจะหลุดลอดตะแกรงของเครื่องชงได้ครับ

ขั้นที่ 2 : เติมผงกาแฟบดลงไปในเครื่องชง ใช้กาแฟประมาณ 7 กรัม ครับ

ขั้นที่ 3 : เติมน้ำร้อนลงไปประมาณ 1/3 ของแก้วรอให้กาแฟซึมน้ำซัก 30-40 วินาที จากนั้นเติมน้ำร้อนเข้าไปจนเต็มครับ

ขั้นที่ 4 : เอาฝามาปิด อย่าลืมนะครับก่อนปิดฝาให้ดึงตะแกรงขึ้นจนสุดก่อน ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 4 นาที

ขั้นที่ 5 : กดตะแกรงลงมาเพื่อดันเศษกาแฟลงไปข้างล่างจากนั้นก็รินใส่ถ้วยดื่มได้ทันทีเลยครับ

3. Espresso : วิธีการนี้เกิดขึ้นราวๆปี ค.ศ. 1901 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลายๆท่านอาจจะคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างมาก และอาจจะเกิดความสับสนเหมือนผมในครั้งก่อนว่า มันคือ ชื่อพันธุ์กาแฟ หรือไม่ก็สูตรกาแฟดำที่ชื่อ เอสเปรสโซ่ จริงๆแล้ว Espresso ชื่อนี้เป็นวิธีการชงกาแฟครับ มาจากภาษาละตินที่แปลว่า ดัน หรือ กด และกาแฟที่ได้จากเครื่องนี้ก็จะเรียกว่า “กาแฟเอสเปรสโซ่” ครับ ซึ่งก็จะเป็นต้นทางของการทำกาแฟสูตรต่างๆ เช่น Latte, Mocha, Cappuccino, Macchiato หรือ Espresso con Panna เป็นต้น

4. Chemex : วิธีนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ครับซึ่ง ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ โดย Chemex คือ กรวยชงกาแฟชนิดหนึ่ง โดยลักษณะคล้ายๆกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟและผ่านกระดาษกรองลงไป แต่วิธีการนี้เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทุกขั้นตอนจะทำด้วยมือตั้งแต่การบดจะไปถึงการเทน้ำร้อนใส่ผงกาแฟครับ

5. Cupping : วิธีการนี้ใช้สำหรับนักชิมกาแฟ หรือ Master Taster ครับ โดยก่อนที่ผู้ผลิตกาแฟจะส่งขายไปยังผู้บริโภคจะต้องมีการชิมกาแฟก่อนครับ ซึ่งผู้ชิมกาแฟก็จะชงกาแฟด้วยวิธี Cupping คือ บดกาแฟที่ต้องการชิมรสชาติ เช่น กาแฟ 1 ชนิดก็จะคั่ว 3 ระดับคือ อ่อน กลาง และ เข้ม จากนั้นก็เอามาบดแล้วใส่ผงกาแฟลงในถ้วยแก้ว 3 ถ้วยจากนั้นก็เติมน้ำร้อนลงไปครับ พอถึงขั้นตอนการชิม เค้าก็จะเอาช้อนปาดหรือตักผงกาแฟที่ลอยอยู่ออกแล้วก็เริ่มทำการชิมกาแฟได้เลยครับ

Credit : http://www.thaicoffeelove.com